วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระทึก! อุกกาบาตพุ่งตกในรัสเซีย






 สำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ว่า เกิดเหตุวัตถุปริศนาจากท้องฟ้าตกในรัสเซีย ส่งผลให้เกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่ และทำให้มีผู้บาดเจ็บราว 100 คน

          รายงานระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณเหนือเทือกเขาอูรอล ในแถบเชเลียบินสก์ ประเทศรัสเซีย จู่ ๆ ก็มีควันเมฆขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเป็นทางยาวเหยียด คล้ายกับเครื่องบินไอพ่น ก่อนที่วัตถุปริศนาซึ่งคาดว่าจะเป็นอุกกาบาต หรือสะเก็ดดาว จะระเบิดบนชั้นบรรยากาศ ส่งเสียงดังไปทั่ว จนทำให้กระจกแตก ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนบางส่วนเสียหาย และโทรศัพท์มือถือใช้การไม่ได้

         จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 102 คน ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากเศษกระจกที่แตกเพราะเสียงระเบิด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เศษอุกกาบาตได้ทำให้กำแพงโรงงานผลิตสังกะสีเสียหาย

         ขณะที่บางแหล่งข่าวก็ได้รายงานว่า อุกกาบาตตกลงมาลูกเดียวเท่านั้น และยังไม่มีคำชี้แจงหรือคำยืนยันจากนาซา ว่าเป็นอุกกาบาตจริงหรือไม่ ส่วนสื่อมวลชนรัสเซียเอง ได้เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการยิงมิสไซล์สกัดกั้นอุกกาบาตของทางการรัสเซีย และมิสไซล์ก็ได้ทำให้อุกกาบาตแตกเป็นเสี่ยงเหนือผิวโลก 20 กิโลเมตร แต่รายงานดังกล่าวก็เป็นเพียงข่าวลือ ยังไม่ได้รับการยืนยันจากกองทัพอากาศ หรือองค์กรการบินและอวกาศในรัสเซียแต่อย่างใด 

         ทั้งนี้ ทางการรัสเซียได้นำเครื่องบินขึ้น 3 ลำ เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่เสียหายแล้ว ขณะที่หลังเกิดเหตุ มีผู้เห็นเหตุการณ์ที่ได้บันทึกภาพปรากฏการณ์ดังกล่าวไว้ นำคลิปวิดีโอที่ถ่ายได้มาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เปิดตัว BlackBerry Z10


สำหรับตัวแรก BlackBerry Z10 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสทั้งตัวเครื่อง ไร้คีย์บอร์ด QWERTY ที่หลายคนคุ้นเคย ส่วนดีไซน์ก็เหมือนกับภาพหลุดทุกประการ ด้านสเปคใช้หน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 768 พิกเซล 356PPI (iPhone 5 - 326 PPI, Galaxy S3 - 306 PPI และ Note 2 – 267 PPI) มีซีพียูความเร็ว 1.5GHz Dual-Core แรม 2 GB หน่วยความจำภายใน 16 GB และมีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องด้านหน้า 2 ล้านพิกเซล รองรับ 4G LTE, NFC และแบตเตอรี่ความจุ 1800mAh 

BlackBerry Z10

          สเปคเบื้องต้นของ BlackBerry Z10

  ระบบปฏิบัติการ BlackBerry 10
  หน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว ความละเอียด 1280×768 พิกเซล (356PPI)
  ซีพียู TI OMAP 4470 dual-core processor 1.5GHz, แรม 2GB
  หน่วยความจำภายใน 16GB และรองรับ MicroSD
  กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
  รองรับการบันทึกวิดีโอ 1080p และ 720p
  แบตเตอรี่ 1800mAh
  เชื่อมต่อ Bluetooth 4.0, NFC และ Wi-Fi
  รองรับ 4G LTE
  ตัวเครื่องหนา 9.3 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 138 กรัม
  ตัวเครื่องมี 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีขาว 
  ฝาหลังทำตัว "glass weave cover" ที่ให้คุณสมบัติคือบางกว่า เบากว่า และแกร่งกว่าพลาสติก
  วางขายกับเครือข่าย Verizon แบบติดสัญญา 2 ปี ราคา $199.99 หรือประมาณ 6,000 บาท
  ราคาแบบไม่ติดสัญญาอยู่ที่ $599 หรือประมาณ 18,000 บาท

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

VRZO - รับน้องใหม่ [Ep.76 by ศรีปทุม]


ประเพณีการรับน้องเป็นประเพณีที่มีมานานแล้วทั่วโลก ทั้งในรูปแบบของแฟกกิง แรกกิง หรือ เฮซซิง ส่วนการรับน้องในสถาบันการศึกษานั้นเพิ่งจะเริ่มมีขึ้นประมาณ 700 ปีมาแล้วในทวีปยุโรป ต่อมาเมื่อชาวยุโรปไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือหรือเข้าไปยึดครองดินแดนต่างๆทั่วโลกเป็นอาณานิคม ก็นำเอาประเพณีการรับน้องเข้าสู่สถาบันการศึกษาติดตัวไปตามดินแดนต่างๆทั่วโลก เมื่อเวลาผ่านไปประเพณีรับน้องที่มาจากยุโรปนี้แม้ว่าจะเลือนหายไปจากทวีปยุโรปจนหมดสิ้นในยุคปัจจุบันแต่ประเพณีนี้กลับเบ่งบานในทวีปอเมริกาหนือและเอเชียจนสร้างปัญหาความรุนแรงให้เกิดขึ้นตามสถาบันการศึกษาจนเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ แคนาดา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย ศรีลังกา รวมทั้งประเทศไทยด้วย จนกระทั่งสหประชาชาติเองต้องเอาประเด็นในเรื่องประเพณีรับน้องที่มีความรุนแรงมาใส่ในเรื่อง สิทธิมนุษยชนในเรื่องการศึกษาด้วย ผู้เขียนบทความ History of Greek Hazing ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื่อว่าประเพณีการรับน้องมีรากเหง้ามาจากทวีปยุโรปโดยมาจากระบบ Penalism ในภาคพื้นยุโรป และระบบแฟกกิงในอังกฤษ ระบบ Penalism เกิดขึ้นในสมัยกลางประมาณ 700 ปีก่อน เนื่องจากเชื่อว่าน้องใหม่ที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยยังขาดการศึกษาไม่เป็นอารยชนต้องผ่านการขัดเกลาด้วยความลำบากก่อนที่จะได้รับชีวิตใหม่ที่ดีในมหาวิทยาลัย เพื่อให้รู้จักประพฤติตัวให้เหมาะสมก็จะถูกบังคับให้ใส่ชุดแปลกๆ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกเล่นตลกที่หยาบคายหรือถูกพวกว๊ากเกอร์รีดไถเงินหรืออาหารมื้อเย็น สองร้อยปีต่อมาระบบนี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการตามมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วยุโรป แต่ว่าเป็นระบบที่อันตราย มีการบันทึกในเรื่องคนเจ็บและคนตายจนผู้ปกครองนักศึกษาหวาดกลัวประเพณีนี้ เมื่อสิ้นสุดสมัยกลางใน 100 ปีถัดมาระบบนี้จึงถูกยกเลิกไป[2]
ในอังกฤษใช้ระบบแฟกกิงโดยเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในประมาณปี พ.ศ. 2310 และได้ถูกนำไปใช้ในมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดและเคมบริดจ์ และโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ส ระบบนี้จำกัดอำนาจของครูโดยให้นักเรียนปกครองกันเอง โดยนักเรียนอาวุโสที่เรียกว่า Fag-master หรือ Prefect จะเลือกนักเรียนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่รับใช้ส่วนตัวหรือ Fag โดยรุ่นพี่ (Fag-master) สามารถใช้งานรุ่นน้อง (Fag)ได้ตามใจชอบ สามารถลงโทษรุ่นน้องที่รุนแรงและใช้วาจาหยาบคายได้ โดยให้รุ่นน้องเรียนรู้เรื่องความอัปยศก่อนที่จะประพฤติตนให้เหมาะสม ซึ่งระบบนี้เสี่ยงกับการใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือล่วงละเมิดทางเพศได้ ซึ่งมีสถิติผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตและฆ่าตัวตายเกิดขึ้นเช่นกัน และระบบนี้ได้ถึงจุดจุดอิ่มตัวประมาณ 200 ปีก่อน และเลือนหายไปประมาณเมื่อ 100 ปีก่อน เนื่องจากค่านิยมในเรื่องคนรับใช้เปลี่ยนไป แม้จะได้รับการต่อต้านจากรุ่นพี่ที่เคยได้รับประโยชน์จากระบบนี้โรงเรียนกินนอนของอังกฤษได้ตัดสินใจยกเลิกระบบนี้ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2520 เป็นต้นมา โดยเปลี่ยนให้น้องใหม่ทำประโยชน์ต่อสังคมแทนที่จะคอยรับใช้รุ่นพี่ แฟกกิงต่างจาก Penalism คือ รุ่นพี่จะแกล้งรุ่นน้องได้ตลอด แต่ Penalism รุ่นพี่แกล้งน้องในช่วงการรับน้องได้เพียงครั้งเดียว ระบบแฟกกิงนี้ได้ยังคงมีอยู่ตามโรงเรียนกินนอนของประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาใต้ ซึ่งย่นระยะเวลาการเป็นน้องใหม่ให้สั้นลงและเพี้ยนไปเป็น Ragging ซึ่งประเทศไทยเองก็มีโรงเรียนมหาดเล็กซึ่งต่อมาวิวัฒนาการเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยและภปร.ราชวิทยาลัยซึ่งถอดแบบมาจากโรงเรียนกินนอนในอังกฤษและได้ยกเลิกระบบนี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน
ผู้อพยพอังกฤษที่ไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐและแคนาดาได้นำระบบแฟกกิงไปใช้ในมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งขึ้นในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 400 ปีก่อน เช่น ฮาร์วารด์ เยล แต่ว่าคณาจารย์จะเป็นผู้ออกกฎที่เข้มงวดบังคับใช้กับน้องใหม่โดยเฉพาะแทนที่จะเป็นรุ่นพี่ เช่น ต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ เป็นต้น แต่หลังจากสหรัฐได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2326 แล้วมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งใหม่ไม่มีการบังคับใช้กฎเกณฑ์แบบนี้กับน้องใหม่ ล่วงมาถึงประมาณ 300 ปีก่อนได้มีการจัดตั้งองค์การนักศึกษาขึ้นตามมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วยุโรป ในสหรัฐได้มีการจัดตั้งสมาคมที่เรียกว่ากลุ่มภราดรภาพ Fraternity สำหรับนักศึกษาชายซึ่งมีลักษณะเป็นสมาคมลับเป็นครั้งแรกขึ้นมาบ้างในปี พ.ศ.2319 ที่วิทยาลัยวิลเลียมส์ แอนด์ แมรี่ ในรัฐเวอร์จิเนียโดยใช้ตัวย่อเป็นอักษรกรีกคือ ฟี เบต้า แคปปา เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบของผู้บริหารวิทยาลัย ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2371-2388 มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้มีจัดตั้งสมาคมเหล่านี้ขึ้นมาอย่างแพร่หลายและในเวลาต่อมานักศึกษาหญิงก็จัดตั้ง Sorority ขึ้นมาบ้างโดยใช้ตัวย่อเป็นอักษรกรีก เช่น อัลฟ่า เบตา แกมม่า เป็นต้น [2] ล่วงมาถึงประมาณปี พ.ศ.2390 นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างไอวี่ลีก (Ivy League) ได้แก่ ฮาร์วาร์ด เยล คอร์แนล ปรินซ์ตัน เป็นต้น ได้เริ่มคิดที่จะหาวิธีการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะและความรักสถาบัน ได้คิดวิธีการเทคนิคกดดันน้องใหม่โดยให้น้องใหม่ถูกกลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอายที่คนอเมริกันและแคนาดาเรียกว่า Hazing ได้นำหลักการการละลายพฤติกรรมจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์และโรงเรียนนายเรือแอนนาโปลิสซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบ แฟกกิง ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะได้รับการถ่ายทอดจากผู้อพยพจากอังกฤษที่จบจากแซนด์เฮิร์สหรือโรงเรียนกินนอนมาอีกทอดหนึ่ง แต่การรับน้องเป็นไปในลักษณะชั้นปีตามสาขาหรือคณะ (Class Basis) โดยนักศึกษาใหม่ที่จะเข้าร่วมสมาคมเหล่านี้ จะเรียกว่า น้องใหม่ (Neophyte, Freshmen) ซึ่งจะต้องผ่านการรับน้องโดย Hazing หรือระบบว๊ากเพื่อทดสอบความกล้าซึ่งอยู่ไม่มีความรุนแรงอะไรมากนัก[2]มหาวิทยาลัยในแคนาดาซึ่งได้รับอิทธิพลจากทั้งอังกฤษที่ปกครองอยู่และสหรัฐที่เป็นเพื่อนบ้านก็รับเอาประเพณีนี้ไปใช้เช่นกัน อย่างไรก็ตามมีข้อมูลจากหลายแหล่งระบุมีนักศึกษาใหม่เสียชีวิตจากการรับน้องเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยคอร์แนลในปี ค.ศ.2416 โดยตกลงไปในเหว[3] แต่ Hank Nuwen (1999) ได้ย้อนรอยไปถึงปี พ.ศ.2381 เมื่อมีนักศึกษาเสียชีวิตที่ Franklin Seminary ในรัฐเคนทักกี (Kentucky) เป็นครั้งแรก

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

ฉายาดารา ปี 2555


ฉายาดารา ปี 2555 แซ่บเว่อร์!
สมาคมนักข่าวบันเทิง เปิดเผยฉายาดาราประจำปี 2555 ซึ่งมีสื่อมวลชนร่วมเสนอฉายากันว่า 160 ฉายา ให้กับดาราทั่วประเทศกว่า 42 คน โดยดาราคนดังที่ถูกตั้งฉายาสุดแซ่บ! ในปีนี้ มี 10 คนด้วยกัน คือ...
ใบเตย อาร์สยาม "สั้นเสมอหู" - ด้วยความที่เป็นลูกทุ่งสาวยุคใหม่ ขยันโชว์เรียวขา นุ่งสั้น ตกเป็นข่าวบ่อยๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
บ๊วย เชษฐวุฒิ "โล้นดีแตก" - ตกเป็นข่าวช็อกวงการ กับการประกาศหย่ากับภรรยา ตุ๊ก ชนกวนันท์ ทิ้งให้เลี้ยงลูกน้อย 2 คน แถมยังมีข่าวกับสาวอื่นกลายเป็นนักแสดงดีแตกของวงการ
วู้ดดี้ วุฒิธร "จำอวดหน้าม่าน" - พิธีกรเซเลปที่มักเปิดโอกาสให้คนบันเทิงออกรายการ/แก้ข่าวแก้ประเด็นอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะ พลอย หรือ มดดำ ที่กลายคนวิจารณ์ว่าเหมือนดูละครมากกว่าเรื่องจริง
มิน พีชญา "คาสโนวี่ปากเปื่อย" - ตกเป็นข่าวฮอตกับหนุ่มเยอะจริงๆ รวมถึงผลงานละครที่ผ่านมาหลายๆ เรื่องที่ใจถึงยอมจูบจริงเธอจึงได้รับฉายานี้ไป
โดม ปกรณ์ "เสียเหลี่ยมหล่อ" - เป็นหล่อขั้นเทพ ไม่เคยเสียเหลี่ยมให้ใคร แต่ล่าสุดต้องจนมุมต้องตามง้อแฟนสาว กัสจัง ที่ชิงบอกเลิกฝ่ายชายซะงั้น
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ "สวยชิ่งสื่อ" - กลับมาตกเป็นข่าวทั้งการงานและความรัก แต่นักข่าวจะขอสัมภาษณ์ทีไร เจนี่มักเอ่ยปากบอกว่าสัมภาษณ์เฉพาะเรื่องงาน
พลอย เฌอมาลย์ "ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ" - ตกเป็นข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละเดือน คำพูดคำจาก็แรงจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องเลี่ยงภาษี มีปัญหากับผู้จัดการ เหวี่ยงสื่อ หรือไล่ออแกไนเซอร์ ปีนี้ปากดุเดือดจริง!
ตั๊ก บงกช "อึ๋มหมื่นล้าน" - ปกติก็มักจะได้ฉายาอึ๋ม เซ็กซี่ ฉาว ตลอดๆ แต่มาปีนี้ได้ฉายานี้เพราะประกาศหมั้นกับ เจ้าสัวบุญชัย ที่รวยระดับหมื่นล้านแท้ๆ
แพนเค้ก เขมนิจ "หมีทำมึน" - ปกติถือว่าเป็นขวัญใจนักข่าวให้สัมภาษณ์ทุกคน แต่ปีนี้มีลักษณะแอบตีมึน ตอบเลี่ยงตอบไม่ตรงคำถาม โดยเฉพาะเรื่องความรักกับสารวัตรหมี ที่ยังไงๆ เธอก็บอกว่า เป็นเรื่องราวดีๆ
อั้ม พัชราภา "ซุปตาร์เกษียณเต้า" - ที่ผ่านมาถือว่าเป็นตัวแม่สุดเซ็กซี่ของวงการบันเทิง แต่ล่าสุดได้ประกาศ งดรับรางวัลแนวเซ็กซี่จากทุกเวที จนหลายคนมองว่าจะแลนดิ้ง..เกษียณออกจากวงการแล้วงั้นหรือ

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

เล่นคอมนาน-กดโทรศัพท์บ่อย เสี่ยงโรคพังผืดทับเส้นประสาท





 
          เตือน! เล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน กดโทรศัพท์มือถือบ่อย ๆ  กลุ่มเสี่ยงโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ รักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรม หากเป็นหนักต้องถึงขั้นผ่าตัด

ตกเป็นประเด็นฮือฮามาพักใหญ่ ๆ แล้วสำหรับโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ หรือ Carpal  Tunnel  Syndrome (CTS) ที่พักนี้เริ่มจะระบาดไปทั่ว แต่เอ๊ะ! อย่าเพิ่งเข้าใจผิดค่ะ โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือนี้ไม่ใช่โรคติดต่ออะไร แต่สาเหตุที่ทำให้มันระบาดไปทั่วนั้นก็เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ และการกดโทรศัพท์มือถือเล่นเป็นเวลานานของคนในยุคนี้ต่างหาก ที่ทำให้คนในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้มากขึ้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีคนจำนวนมากที่ใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำงาน การแชท และการเล่นเกม ในคอมพิวเตอร์และในโทรศัพท์ที่นับวันก็ยิ่งออกโปรแกรมใหม่ ๆ มาให้เราลองเล่นกันไม่หยุด จนบางครั้งเราอาจจะเผลอลืมย้อนมองถึงสุขภาพและร่างกายของเราว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเราบ้าง โดยมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น อย่างเช่น ปวดข้อมือ ปวดแขน นิ้วชา หรือแม้แต่ปวดแปลบ ๆ ที่นิ้วมือ 
 
          มีผู้คนไม่น้อยที่ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองได้กลายเป็น 1 ในคนที่เป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ และต้องทนกับความเจ็บปวดที่ไม่พึงประสงค์จากโรคนี้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรกัน ว่าอาการผิดปกติบางอย่างที่เราอาจจะเริ่มมีนั้น เป็นข้อบ่งชี้ว่าเราเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือไม่ หรือเป็นแค่การปวดเมื่อยจากการใช้งานอวัยวะส่วนนั้นนานเกินไปเพียงเท่านั้น และหากเราได้กลายมาเป็น 1 ในคนที่เป็นโรคนี้เสียแล้วจะมีวิธีรักษาได้อย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ



สำหรับโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ เป็นโรคในกลุ่มการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ หรือ Carpal  Tunnel  Syndrome (CTS) ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นบริเวณข้อมือด้านฝ่ามือ และไปกดทับถูกเส้นประสาทมีเดียน (median nerve)  ซึ่งอยู่ผ่านช่องข้อมือแขนงไปยังนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วหัวแม่มือ โดยเมื่อเส้นประสาทถูกกดทับ จะทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้ว และถ้าเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณ ฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือจะลีบเล็กลง

จากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศพบว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้สูงที่สุด ก็คือกลุ่มผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งยังพบมากในผู้ที่ใช้มือทำงานมาก ๆ เช่น  กลุ่มแม่บ้านที่ทำกับข้าว ซักผ้า และถักนิดติ้ง อีกด้วย โรคนี้จะพบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยประมาณ 35-40 ปี นอกจากนี้ผู้ที่มีข้อมือค่อนข้างกลมก็มีโอกาสเกิดโรคสูง บางครั้งอาจะพบได้ในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถหายได้เองหลังจากที่คลอดแล้ว

สาเหตุของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ เกิดจาก

          1. การใช้งานข้อมือในท่าเดิม ๆ อย่างเช่นคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้เมาส์ โดยใช้ข้อมือเป็นจุดหมุน การกดแป้นคีย์บอร์ด การเย็บผ้า การถักนิตติ้ง 
 
          2. การใช้ข้อมือที่มีการงอมือเป็นเวลานาน เช่น การกวาดบ้านนาน ๆ การรีดผ้า การหิ้วถุงที่มีการงอข้อมือ 
 
         3. การทำงานที่มีการใช้ข้อมือกระดกขึ้นและการสั่นกระแทก เช่น ช่างฝีมือประเภทต่าง ๆ พนักงานโรงงาน งานที่เกี่ยวกับการก่อสร้างหรืองานคอนกรีต
 
          4. การที่พังผืดหนาตัวมากขึ้น จากสภาพร่างกายที่มีอายุมากขึ้น






สำหรับอาการของ โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ นั้น นพ.ทวีพงษ์ จันทรเสโน ศัลยแพทย์กระดูกและข้อโรงพยาบาลเวชธานี ได้ชี้แจงดังนี้

              1. มีอาการปวดมือ ปวดร้าวขึ้นไปที่แขน
 
         2. มักจะมีอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางและบางส่วนของนิ้วนางตามแนวของเส้นประสาท
 
           3. อาการปวดจะมีมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานในลักษณะการเกร็งอยู่นาน ๆ ในท่าเดิม เช่น การจับมีด กรรไกร
 
           4. การทำงานช่างที่ใช้ค้อนหรือใช้เครื่องมือที่มีแรงสั่นสะเทือน
 
           5. มักจะมีอาการปวดในเวลากลางคืนหรือเวลาตื่นนอนตอนเช้า และจะหายไปชั่วครู่หลังจากสะบัดมือ
 
           6. บางรายที่ถูกกดทับอยู่นาน ๆ จะเริ่มมีอาการอ่อนแรงของมือ เช่น จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีแรงเวลากำมือ โดยเฉพาะการใช้มือหยิบของเล็ก ๆ จะทำได้ลำบาก
 
           7. มีกล้ามเนื้อลีบที่ฝ่ามือ


การรักษาเบื้องต้น

           1. หากพังผืดยังไม่หนามากนัก แพทย์จะทำการลดความดันข้อมือโดยทำการดามข้อมือของผู้ป่วย เพื่อให้ข้อมืออยู่นิ่ง ๆ ทำให้มีความดันในโพรงข้อมือต่ำที่สุด

          
 2. ปรับการใช้ข้อมือในการทำงานและชีวิตประจำวัน โดยการปรับอุปกรณ์การทำงานให้ถูกตามหลักสุขลักษณะ และหลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งนาน ๆ ในงานที่ต้องใช้ข้อมือกระดกขึ้น งอข้อมือนาน ๆ รวมถึงงานที่มีการสั่นกระแทกจนทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้นด้วย

          
 3. การฉีดยาซึ่งทำจากยาชาผสมกับยาสเตียรอยด์เข้าไปในโพรงข้อมือรอบ ๆ เส้นประสาท จะช่วยลดการอักเสบและบางรายอาจหายได้ วิธีนี้พบว่าได้ผลดีเฉลี่ยประมาณ 40 - 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค และปัจจัยอื่นๆ

และสำหรับใครที่เริ่มมีอาการปวด ชา บริเวณข้อมือและนิ้วมือ เนื่องจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทั้งผู้ที่ป่วยเป็นโรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ รวมถึงคนที่เพียงแค่ปวดเมื่อยจากการใช้ข้อมือนานเกินไป นี่ก็คือเคล็ดลับ ง่าย ๆ เพื่อลดอาการปวดและสร้างเสริมข้อมือ ที่เรานำมาฝากกันค่ะ
 
           1. วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตัวพอดีกับช่วงแขน จับเมาส์และคีย์บอร์ด สบายๆ ไม่เหยียดหรืองอข้อมือ
 
           2. จัดท่าทางขณะพิมพ์คีย์บอร์ดให้ทั้งท่อนแขน วางอยู่ในแนวขนานกับพื้น
 
           3. ใช้แผ่นรองข้อมือนุ่ม ๆ มารองที่ข้อมือ ขณะใช้เมาส์ 
 
           4. ขณะใช้คอมพิวเตอร์ ควรผ่อนคลายอิริยาบถทุกๆ 15-20 นาที
 
        5. บริหารข้อมือ โดยการทำฝ่ามือให้ตั้งฉากกับแขนพร้อมออกแรงดึงฝ่ามือเข้ามาหาตัว โดยทำทั้งหงายมือและคว่ำมือ หรืออาจใช้การดันฝ่ามือกับพื้นแทนได้ 









วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

Everything At Once – Lenka



เพลง Everything At Once – Lenka 
ศิลปิน: Lenka







As sly as a fox, as strong as an ox
As fast as a hare, as brave as a bear
As free as a bird, as neat as a word
As quite as a mouse, as big as a house

All I wanna be, all I wanna be, oh
All I wanna be is everything

As mean as a wolf, as sharp as a tooth
As deep as a bite, as dark as the night
As sweet as a song, as right as a wrong
As long as a road, as ugly as a toad

As pretty as a picture hanging from a fixture
Strong like a family, strong as I wanna be
Bright as day, as light as play
As hard as nails, as grand as a whale

All I wanna be, all I wanna be, oh
All I wanna be is everything

As warm as the, the sun, as silly as fun
As cool as a tree, as scary as the sea
As hot as fire, cold as ice
Sweet as sugar and everything nice

As old as time, as straight as a line
As royal as a queen, as buzzed as a bee
Stealth as a tiger, smooth as a glide
Pure as a melody, pure as I wanna be

All I wanna be, all I wanna be, oh
All I wanna be is everything