วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Dancing


MUSKETEERS - Dancing Official MV





เนื้อเพลง: Dancing
ศิลปิน: Musketeers (มัสคีเทียร์)
อัลบั้ม: Uprising

ตื่นลืมตาขึ้นมา ในเมืองที่มีแต่ปัญหา
มองขึ้นไปบนฟ้า
สิ่งใดที่เราตามหาไขว่คว้าตั้งมากมาย
ความฝันนั้นยิ่งใหญ่กว่าจะเจอ

เติบโตจนวันนี้ ยังไม่เคยมีความรัก
อยากที่จะรู้จัก กลับโดนมาลวงหลอกกัน
เงินซื้อได้ทุกอย่าง ความรักไม่มีค่ามากกว่าทอง

Oh baby baby hi มาเถอะยังไม่สาย
let’s breaking out the Door โว้ โว โว โว โว่
Say hi ถ้าขาเธอยังไม่ตาย
let’s dancing on the floor โว้ โว โว โว โว่

ข้างนอกยังคงมีรถเต็มถนน
ไม่ต่างอะไรกับคนที่ดิ้นรนด้วยความฝัน
ชีวิตมันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก
ปล่อยใจไปกับเพลง ting ding ding ting ding ding

Oh baby baby hi มาเถอะยังไม่สาย
let’s breaking out the Door โว้ โว โว โว โว่
Say hi ถ้าขาเธอยังไม่ตาย
let’s dancing on the floor โว้ โว โว โว โว่

ความรัก ความฝัน ผู้คนเป็นล้านๆ
ความรัก ความฝัน ใช้เงินเป็นล้านๆ
ความรัก ความฝัน ผู้คนเป็นล้านๆ
ความรัก ความฝัน โว โว้

Oh baby baby hi มาเถอะยังไม่สาย
let’s breaking out the Door โว้ โว โว โว โว่
Say hi ถ้าขาเธอยังไม่ตาย
let’s dancing on the floor โว้ โว โว โว โว่

Oh baby baby hi มาเถอะยังไม่สาย
let’s breaking out the Door โว้ โว โว โว โว่
Say hi ถ้าขาเธอยังไม่ตาย
let’s dancing on the floor โว้ โว โว โว โว่

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เพลง อยู่ต่อเลยได้ไหม


                                   เนื้อเพลง  อยู่ต่อเลยได้ไหม


มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย
ในหัวใจก็มีแต่ความเหน็บหนาว
ท้องฟ้าที่มองไม่เห็นแสงดาว
คืนเหน็บหนาวยิ่งทำให้ใจเราหนาวสั่น



อยากอยู่ดูแลให้เธอฝันดี
แต่ใจก็รู้ดีคงหมดเวลาของฉัน
อยากจะอยู่กับเธอให้นานน๊านนาน
แต่ก็คงต้องลาเพราะใจที่ไหวหวั่น



แต่ใจของฉันบอก อยากอยู่กับเธอต่อ
แต่ฉันวิงวอนกับเธอได้เพียงสายตา



อยู่ต่อเลยได้ไหม
อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ
ฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้
อยากได้ยินคำว่ารัก
แทนคำบอกลาเมฆฝนบนฟ้าคงรู้ดี
คืนนี้ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอ



ก็เพราะว่าคืนนี้
ฉันกลัวว่าฉันจะนอนฝันร้าย
ถ้าฉันต้องกลับไปไม่มีเธอเคียงข้างฉัน
นาฬิกาคงไม่บอกคืนและวัน
โลกของฉันที่ไม่มีเธอคงว่างเปล่า



อยากอยู่ดูแลให้เธอฝันดี
แต่ใจก็รู้ดีคงหมดเวลาของฉัน
อยากจะอยู่กับเธอให้นานน๊านนาน
แต่ก็คงต้องลาเพราะใจที่ไหวหวั่น



แต่ใจของฉันบอก อยากอยู่กับเธอต่อ
แต่ฉันวิงวอนกับเธอได้เพียงสายตา



อยู่ต่อเลยได้ไหม
อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ
ฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้
อยากได้ยินคำว่ารัก
แทนคำบอกลาเมฆฝนบนฟ้าคงรู้ดี
คืนนี้ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอ



อยู่ต่อเลยได้ไหม
อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ
ฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้
อยากได้ยินคำว่ารัก
แทนคำบอกลาเมฆฝนบนฟ้าคงรู้ดี
คืนนี้ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอ



อยู่ต่อเลยได้ไหม
อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจ
ฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้
อยากได้ยินคำว่ารัก
แทนคำบอกลาเมฆฝนบนฟ้าคงรู้ดี
คืนนี้ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอ



คืนนี้ให้ฉันได้อยู่กับเธอ
คืนนี้ให้ฉันได้อยู่กับเธอ

  

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556




   

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556


ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556


 ประเด็นวันสิ้นโลก ถูกนำกลับมาพูดถูกอีกหลายต่อครั้ง หลังจากผ่านเหตุการณ์วิปโยคอันเกิดจากภัยธรรมชาติหลายหนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีผู้สังเวยชีวิตให้กับความพิโรธของธรรมชาติครั้งแล้วครั้งเล่ามาเป็นจำนวนไม่น้อย

          จะว่าไปแล้วคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลก หรือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ ก็มีอยู่หลายเรื่อง แม้แต่ในพระพุทธศาสนาเอง ก็เคยมีผู้มีญาณหยั่งรู้ได้ทำนายทายทักความหายนะที่พร้อมจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้เช่นกัน แน่นอนว่า คำทำนายดังกล่าวย่อมมีทั้งผู้ที่ "เชื่อ" และ "ไม่เชื่อ" 

          ดังเช่น พุทธทำนายจากศิลาจารึก ที่เว็บไซต์ ainews1 ได้นำออกมาเผยแพร่ ตอนหนึ่งเป็นการทำนายเตือนภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้เราได้รับทราบ และ "มงคล กริชติทายาวุธ"ประธานชมรมศาสนาและการกุศล ได้นำคำทำนายดังกล่าวมาถอดรหัสบอกเล่าเหตุการณ์ที่จะอาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ.2556 เป็นต้นไป

สำหรับพุทธทำนายจากศิลาจารึก ที่มีบางตอนได้กล่าวไว้ถึงหายนะของโลก มีเนื้อหาดังนี้ 

          "เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ 2507 (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ...ปัจจุบัน ปีเถาะ ตรงกับ พ.ศ.2554 ที่กำลังใช้อยู่ พุทธทำนายปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ.2555 ที่โลกมีโอกาสพลิกขั้ว..ดังนั้น จากเดินลงมาเป็นคลาน ก็หนักหนาเอาการอยู่ ที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นทั่วโลก....สนามแม่เหล็กจะกลับขั้ว โลกอาจจะไร้แรงดึงดูดชั่วคราว ดังที่พระอาจารย์รัตน์ ได้เห็นภาพอนาคต และได้เล่าให้ศิษย์ฟัง ที่วัดดอยเกิ้ง

          ล่วงได้ 2508 (ปีมะเส็ง) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล...ซึ่งในเมขลาพยากรณ์ ตรงกับ 9 พ.ค. 2556 ในหนังสือพระมหาชนก ที่ไขปริศนาออกมา 

          ล่วงได้ 2512 (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ 

          ในปีนี้เป็นปี พ.ศ.๒๕๕๔ (ปีเถาะ) เมื่อนำมาเทียบกับปี พ.ศ.ในพุทธทำนายก็จะได้ปีนักษัตร ที่ตรงกับปีนักษัตรในพุทธทำนายพอดี เช่นในพุทธทำนายได้กล่าวเอาไว้ว่า ปี พ.ศ.2512 (ปีระกา) เมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน เมื่อเราเอาปี พ.ศ.2560 มาลดจำนวนปีลง 48 ปี ก็จะได้เป็นปี พ.ศ.2512 ซึ่งตรงกับปีระกาในพุทธทำนายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน...

          ประเทศไทย นำ พ.ศ. มาจากศรีลังกา ที่ พ.ศ. คลาดเคลื่อนระหว่างเกิดสงครามในประเทศนี้ เป็นเหตุให้นับ พ.ศ.เร็วกว่าความเป็นจริงไป 48 ปี...ในพุทธทำนายที่กล่าวว่าเมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน คาดว่าจะเป็นการเรียงตัวของดวงดาว เป็นแนวระนาบเดียวกัน ในรอบ 2.6 หมื่นปี ตามที่นักวิทยาศาสตร์บอก ทำให้เงาของดาวทุกดวงบดบังแสงอาทิตย์โลกจึงมืด / หรือ อาจจะมีดาวหางพุ่งชนโลกทำให้ ฝุ่นควัน ฟุ้งกระจายจนบดบังทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึงโลก หรืออาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ จนทำให้พื้นโลกสั่นสะเทือน เกิดภูเขาไฟระเบิดพร้อม ๆ กันหลายลูก จนเถ้าถ่านของภูเขาไฟ ฟุ้งกระจายขึ้นในในบรรยากาศของโลก"

 ถอดรหัสจากพุทธทำนาย 

          - ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนสิงหาคม 2550  มีคุณยายผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้นำหนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัสมาให้อ่าน ในขณะที่ผู้เขียนได้จัดสรรเวลาของตนเอง ไปฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่วัดเพลง แขวงและเขต บางพลัด ซึ่งพระอาจารย์ พระมหาฉัตรชัย รักขิตจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสสอนนำการทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่กระชับ และกะทัดรัดดี

          - เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่ามีเนื้อหาแปลกดี แต่ไม่แน่ใจว่า ข้อความทั้งหมดที่คัดลอกต่อ ๆ กันมามีการตกหล่นจากความเดิมจนถ้อยคำเปลี่ยนไปหรือไม่เพียงไร

          - ในหนังสือเล่มนี้ อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัดอัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ

          1. ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

          2. พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาจารึก ให้นำไปท่องว่า "ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติ" โดยท่านแนะให้นำไปเขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขันจะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้ มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี 10 ประการ ได้แก่

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          1. วาตภัย (ลมพายุ)

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          2. ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          3. อัคคีภัย (ไฟไหม้)

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          4. อุทกภัย (น้ำท่วม)

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          5. ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู

ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          6. อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป

          7. สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน

          8. เกิดโรคระบาดต่าง ๆ

          9. เกิดข้าวยาก – หมากแพง

          10. เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร จองล้าง จองผลาญ

          3. ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัดในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทยจะมีประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น

          4. เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา (ปี 2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมดสภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

          5. ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัยในอนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาป กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง ผู้ที่สร้างสมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก

          ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดอยาก ลูกไฟจะตกจากฟ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน (เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า "ชา ตะ มะ สะ ละ วา" เขียนใส่กระดาษใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น

          6. ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคตคัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้

          7. สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง (2556) ตลิ่งริมฝั่งน้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า หากเข้าสู่สถานการณ์นั้น ๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า "สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ" จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง

          8. โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟและเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจและทำสงคราม รวมทั้งใช้อาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน



                   ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556

          9. ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี 2556 จังหวัดชายทะเล และกทม. จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำอาจมีความสูงถึง 20 เมตร (สูงเกือบเท่าตึก 7 ชั้น) ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายเกือบครึ่ง โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2560 ในที่สุดประชากรไทย จาก 65 ล้านคน จะเหลือเพียง 18 ล้านคนในปี 2561 

          (ข้อนี้ฟังดูแล้วคลับคล้ายคลับคลา กับพยากรณ์ของนางมณีเมขลา 9 พ.ค. 2556 มากทีเดียว ผู้ที่ติดตามข้อมูลที่ในหลวงทรงแจ้งเตือนพสกนิกรชาวไทยล่วงหน้า เป็นปริศนาเช่นเดียวกับนอสตราดามูส ผู้ยังความไม่ประมาทพึงพิจารณาด้วยตนของตนเอาเถิด)

          ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ควรดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวันละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทานมากขึ้นด้วยครับ เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่นสัตว์อื่น หรือ ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่นหรือ มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน 

          สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่านมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน เป็นการลงทุนสร้างความงามความดีในปัจจุบัน ขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาสอันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้

          (ในประเด็นนี้ ท่านผู้เป็นใหญ่สูงสุด ที่ได้แจ้งคณะเตือนภัยเขากะลา เอาไว้ว่าการช่วยเหลือพลโลกได้เฉพาะบางส่วนที่มีบารมี...บารมีของท่าน ผู้ใหญ่แห่งดาวพลูโต นั้นอาจหมายถึง ผู้ที่ได้ฝึกจิตเข้าถึงสภาวะจิตเดิม หรือ "ทาง" ของทุก ๆ คนก็ได้ ...จึงจะนับว่าเป็นผู้มีบารมี ที่จะได้รับความช่วยเหลือจากชาวต่างดาวหลาย ๆ ดวง ที่ได้มาเตรียมงานบนดาวดวงนี้ล่วงหน้า 10 กว่าปีทีเดียว)

มงคล กริชติทายาวุธ
ประธานชมรมศาสนาและการกุศล

หมายเหตุ

          ปีนักษัตร ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน เริ่มนับจากเดือนเมษายน เป็นเดือนที่ 1 ของปี เดือนสุดท้ายของปีจึงเป็นเดือนมีนาคมของปีถัดไป ดังนั้นปีระกาในพุทธทำนาย จึงหมายถึงตั้งแต่เดือนเมษายนของปี พ.ศ.2560 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ.2561



วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

จังหวัดมหาสารคาม


จังหวัดมหาสารคาม

ตราประจำจังหวัด

ตราประจำจังหวัดมหาสารคาม

                                                                                   ข้อมูลทั่วไป                                                                                                       
ชื่ออักษรไทยมหาสารคาม
ชื่ออักษรโรมันMaha Sarakham
ชื่อไทยอื่นๆสารคาม
ผู้ว่าราชการนายนพวัชร สิงห์ศักดา
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2555)
ISO 3166-2TH-44
ต้นไม้ประจำจังหวัดพฤกษ์ (มะรุมป่า)
ดอกไม้ประจำจังหวัดลั่นทมขาว (จำปาขาว)
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่5,291.683 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 41)
ประชากร939,736 คน[2] (พ.ศ. 2554)
(อันดับที่ 24)
ความหนาแน่น177.59 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 15)
                                                                             ศูนย์ราชการ
ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม ถนนเลี่ยงเมืองมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม 44000
โทรศัพท์(+66) 0 4377 7356
โทรสาร(+66) 0 4377 7460
เว็บไซต์จังหวัดมหาสารคาม


หอนาฬิกา จังหวัดมหาสารคาม

มหาสารคามได้รับการแต่งตั้งเป็นเมือง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2408 แต่ก่อนจะตั้งเป็นเมืองมหาสารคามนั้น บริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์มานาน บางยุค บางสมัยก็รุ่งเรือง บางยุคสมัยก็เสื่อมโทรม ตามบันทึกของหลวงอภิสิทธิ์สารคาม (บุดดี) ตลอดจนประวัติศาสตร์ภาคอีสานและเมืองมหาสารคาม ของ บุญช่วย อัตถากร ระบุว่า ท้าวมหาชัย (กวด) พาผู้คนออกจากเมืองร้อยเอ็ดมาทางทิศตะวันตก ประมาณ 1,000 เส้น จึงหยุดตั้งอยู่บริเวณที่ดอน แต่ราษฎรนิยมเรียกว่า “วัดข้าวฮ้าว” อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน เห็นว่าขาดแคลนแหล่งน้ำ จึงย้ายมาตั้งระหว่างกุดยางใหญ่กับหนองท่ม ซึ่งเป็นที่ชุมชนที่มีผู้อาศัยอยู่บ้างแล้ว คือ บ้านจาน ประกอบกับห่างออกไปเล็กน้อยก็เป็นห้วยตะคาง จึงนับว่าเป็นชัยภูมิที่มีแหล่งน้ำสมบูรณ์ เมืองมหาสารคามเมื่อแรกตั้งอยู่ในความดูแลบังคับบัญชาของพระขัติยวงษา (จัน) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นผู้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอรับพระราชทาน “บ้านลาด กุดยางใหญ่” เป็นเมือง ของท้าวมหาชัย (กวด) เป็นเจ้าเมือง
ราชสำนักได้มีสารตรามาถึงพระขัติยวงษา (จัน) ลงวันอังคาร เดือน 10 ขึ้น 1 ค่ำ ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช 1227 ซึ่งตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2408 ดังข้อความตอนหนึ่งว่า
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ซึ่งเจ้าพระยาภูธราภัย ฯ พร้อมกับเจ้าพระยานครราชสีมาไล่เลียงแลทำแผนที่เมืองจะตั้งใหม่ เห็นการไม่เกี่ยวข้องแก่บ้าน แก่เมืองใดแล้ว จึงโปรดเกล้า ฯ ขนานนามบ้านลาดกุดยางไย เป็นเมืองมหาษาร ตามพระราชทานนามสัญญาบัติ ประทับพระราชลัญจกอร ตั้งท้าวมหาไชยเป็นที่พระเจริญราชเดช เจ้าเมือง ทำราชการขึ้นแก่เมืองร้อยเอ็ด ให้พระราชทานท้าวมหาไชย ผู้เป็นที่พระเจริญราชเดชเจ้าเมืองมหาสารคาม
เมืองมหาสารคาม นับเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของชาวอีสาน มีชุมชนโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านเชียงเหียน หมู่บ้านปั้นหม้อของชาวบ้านหม้อ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคามแหล่งโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนาก็มี พระธาตุนาดูน กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน กู่บ้านแดง อำเภอวาปีปทุม ปรางค์กู่ ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคาม ที่น่ามาศึกษาหาความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันจังหวัดมหาสารคามเป็นเมือง ตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวเมืองตักสิลา เมืองการศึกษาของชาวอีสาน มีทั้ง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม วิทยาลัยพลศึกษา วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยอาชีวศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาอุดมศึกษาของภาคเอกชน ซึ่งในช่วงเปิดภาคเรียนจังหวัดมหาสารคาม จะครึกครื้นไปด้วยนักศึกษาจากต่างถิ่นที่มาศึกษาหาความรู้จากสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดมหาสารคาม

สถานที่ท่องเทียว

                                           


 พระธาตุนาดูน


ตักสิลาแห่งอีสาน


นางสาวจิดาภา หอมนาน



สาขาวิชา การจัดการ-การจัดการทรัพยากรมนุษย์   คณะบริหารธุรกิจ


           ถอดรหัสพุทธทำนาย...มหันตภัยของโลก หลังปี 2556